back to top
วันศุกร์, พฤศจิกายน 21, 2025
Newspaper WordPress Theme
ทิศทองคำGCAP GOLD ชี้ปัจจัยกำหนดทิศทางราคาทอง

GCAP GOLD ชี้ปัจจัยกำหนดทิศทางราคาทอง

                นางสาวอารีรัตน์ มุราชัย หัวหน้านักวิเคราะห์ บริษัท จีแคป จำกัด หรือ GCAP GOLD เปิดเผยว่า ราคาทองคำในสัปดาห์นี้กลับมาอยู่ในจุดที่ตลาดทั่วโลกให้ความสนใจอีกครั้ง โดยมี 2 ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะเป็นตัวกำหนดทิศทางราคาทองคำในช่วงโค้งสุดท้ายของเดือนตุลาคม ได้แก่ การประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ และความคืบหน้าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ดังกล่าวถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของทองคำ เนื่องจากอาจเป็นปัจจัยสนับสนุนและกดดันทองคำได้ในเวลาเดียวกัน

                ขณะเดียวกัน ตลาดกำลังจับตาการประชุมเฟด ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงถึง 98% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% หลังจากล่าสุดตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ออกมาต่ำกว่าคาด โดยมีดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) อยู่ที่ 3% ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่า แรงกดดันด้านเงินเฟ้อเริ่มชะลอตัว และสถานการณ์ดังกล่าวจะสนับสนุนความคาดหวังว่าเฟดจะเริ่มผ่อนคลายนโยบายการเงิน เพื่อประคองเศรษฐกิจ และหากเฟดลดดอกเบี้ยตามคาดการณ์ ส่งผลให้เป็นปัจจัยบวกโดยตรงและเป็นแรงพยุงสำคัญต่อราคาทองคำ

                ส่วนอีกประเด็นสำคัญที่ตลาดจับตามอง ได้แก่ ความคืบหน้าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ซึ่งล่าสุดมีพัฒนาการเชิงบวก ทั้งสองฝ่ายได้เก็บรายละเอียดขั้นสุดท้ายของร่างข้อตกลงการค้าสำเร็จแล้ว และเตรียมส่งต่อให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง พิจารณาในสัปดาห์นี้

                ขณะเดียวกัน ผู้นำทั้งสองประเทศมีกำหนดพบปะกันนอกรอบการประชุม APEC ในวันพฤหัสบดีที่ 30 ตุลาคมนี้ โดยประธานาธิบดีทรัมป์ให้สัมภาษณ์ว่า คาดหวังให้การพูดคุยครั้งนี้นำไปสู่ข้อตกลงที่สมบูรณ์ ซึ่งหากเกิดขึ้นจริงจะช่วยคลายแรงกดดันทางการค้า และสร้างแรงกดดันออกมาเป็นระยะจากแรงขายทำกำไรของนักลงทุน

                อย่างไรก็ตาม สำหรับกลยุทธ์การลงทุน ฝ่ายวิเคราะห์ GCAP GOLD ประเมินว่า ภาพรวมทองคำยังอยู่ในภาวะการพักฐานที่ยังไม่จบ และยังมีปัจจัยข่าวสำคัญทั้งสองด้าน ซึ่งอาจหนุนหรือกดดันราคาทองได้พร้อมกัน จึงควรใช้กลยุทธ์อย่างระมัดระวัง

                ทั้งนี้ ล่าสุดราคาทองถูกกดดันให้ปรับตัวลงเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ 4,000 เหรียญต่อทรอยออนซ์ ทำให้ฝั่งขาซื้อเหลือแนวรับสำคัญที่บริเวณ 3,850-3,820 เหรียญต่อทรอยออนซ์ เพื่อพิจารณาเข้าซื้อ (ราคาทองคำไทยประมาณ 59,000–58,500 บาท) ซึ่งเป็นโซนแนวรับสำคัญสุดท้ายของฝั่งขาซื้อ และราคาไม่ควรหลุดระดับดังกล่าว เพราะหากหลุด อาจส่งผลให้กราฟรายเดือนเสียรูปการขึ้นและเข้าสู่ช่วงพักตัวต่อเนื่อง แต่หากกราฟสามารถยืนระยะได้บริเวณฐานดังกล่าวก็มีโอกาสที่จะเริ่มสร้างโครงสร้างขาขึ้นระยะสั้น เพื่อให้สามารถขึ้นไปทำกำไรได้บริเวณ 4,000-4,100 เหรียญต่อทรอยออนซ์ ซึ่งเทียบเท่าราคาทองคำไทยราว 61,300-62,800 บาท

*************************

- Advertisement -Newspaper WordPress Theme

Exclusive content

- Advertisement -Newspaper WordPress Theme

More article

- Advertisement -Newspaper WordPress Theme