นายปิยะดิษฐ์ อัศวศิริสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีวิลเอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน) หรือ CIVIL ผู้นำบริษัทก่อสร้างครบวงจรชั้นนำของไทย เปิดเผยว่า ทิศทางธุรกิจไตรมาส 4/68 แนวโน้มการลงทุนและการพัฒนาประเทศของภาครัฐมีความชัดเจนมากขึ้น จากการเดินหน้าโครงการขนาดใหญ่ อาทิ รถไฟทางคู่ เฟส 2 รถไฟความเร็วสูง เฟส 2 (ขอนแก่น–หนองคาย) สนามบินชุมพร สนามบินนครศรีธรรมราช (ส่วนขยาย) ดอนเมืองโทลล์เวย์ (รังสิต–บางปะอิน) ถนนเชื่อมต่อสนามบินอู่ตะเภา รวมถึงโครงการร่วมลงทุนรัฐและเอกชน (PPP) ถือเป็นโอกาสที่ดีของ CIVIL ในการเข้าร่วมประมูลงานดังกล่าว

ทั้งนี้ บริษัทพร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจผลิตและจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง โดยรับงานผลิตชิ้นส่วนคอนกรีตมูลค่าประมาณ 200 ล้านบาท ซึ่งจะเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป รวมถึงเตรียมต่อยอดความร่วมมือกับพันธมิตรเพิ่มเติมในกลุ่มธุรกิจ Non-Con เพื่อเพิ่มโอกาสการรับงาน เสริมโครงสร้างรายได้ในธุรกิจอื่น และช่วยสร้างฐานรายได้ที่มีเสถียรภาพมากขึ้น
ขณะเดียวกัน บริษัทมีความพร้อมในการเข้าประมูลงานใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยวางแผนกระจายรายได้ไปยังโครงการก่อสร้างขนาดกลางและขนาดเล็กที่สามารถรับรู้รายได้รวดเร็ว เพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาวัสดุก่อสร้าง และบริหารอัตรากำไรให้อยู่ในระดับเหมาะสม โดยบริษัทมีฐานะทางการเงินที่ดี มีกระแสเงินสดและสภาพคล่องที่แข็งแรง รองรับการขยายงานในอนาคต รวมถึงมองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ที่จะช่วยเสริมศักยภาพการเติบโตของบริษัทในระยะยาว

สำหรับความคืบหน้าโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินงาน อาทิ งานก่อสร้างรถไฟทางคู่ สัญญาที่ 2 บางสะพานน้อย-ชุมพร 99% งานก่อสร้างโครงการทางพิเศษสายพระราม 3 -ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก 96% งานรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ-หนองคาย สัญญา 4-7 (สระบุรี-แก่งคอย) 82% งานก่อสร้างเขื่อน ค.ส.ล. หน้าสถานีสูบน้ำพระโขนงถึงจุดที่กำหนดให้ บริเวณถนนสุขุมวิท 71% งานก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 304 สายปากเกร็ด-ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ 66% และงานอื่นๆ อีกมากมาย ที่จะทยอยรับรู้รายได้ถึงปี 2572
นอกจากนี้ CIVIL ยังให้ความสำคัญกับการดำเนินงานอย่างยั่งยืน โดยเข้าร่วมโครงการ “ทิ้งทูแทรช” (Ting To Trash) สามารถลดปริมาณขยะทั่วไปได้กว่า 1,155 กิโลกรัม คิดเป็น 11% ของปริมาณขยะทั้งหมด และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) 1.031 tonCO2e ควบคู่กับการส่งเสริมองค์ความรู้ด้านความยั่งยืนให้พนักงาน เพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมและชุมชน ตอกย้ำถึงความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมและการบริหารจัดการทรัพยากรที่มีประสิทธิภาพ
ด้านผลประกอบการงวด 9 เดือน ปี 2568 บริษัทมีรายได้รวม 3,483 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 3,696 ล้านบาท และมีผลขาดทุนสุทธิ 91 ล้านบาท ขณะที่ผลประกอบการไตรมาส 3/68 บริษัทมีรายได้รวม 1,239 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,389 ล้านบาท และมีผลขาดทุนสุทธิ 112 ล้านบาท
“สาเหตุที่ภาพรวมผลการดำเนินงานปรับตัวลดลง เนื่องจากกลุ่มโครงการขนาดใหญ่ขยายระยะเวลาดำเนินงาน ส่งผลให้การรับรู้รายได้ตามสัดส่วนงานที่แล้วเสร็จเลื่อนออกไป และมีการบันทึกต้นทุนเพิ่ม ซึ่งไม่กระทบต่อการดำเนินงานก่อสร้าง และกระแสเงินสดในการดำเนินงาน ทั้งนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการติดตามและทบทวนสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อดำเนินมาตรการควบคุมต้นทุนให้เหมาะสม”
****************************



